วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

สอบปลายภาค

แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา
           ปัจจุบันเทคโนโลยีและการสื่อสารได้มีการพัฒนาอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านการศึกษา  แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่รัฐบาลมีนโยบายแจกแท็บเล็ตแก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทำให้ แท็บเล็ตตื้นตัวขึ้นในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว
           สำหรับการเรียนรู้ยุคใหม่ (ศตวรรษที่ 21)  ผู้เรียนและผู้สอนจะต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน  การเรียนรู้เกิดขึ้นตลอดเวลา ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย   ผู้เรียนมีโอกาศแห่งการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นรายบุคคลมากยิ่งขึ้น ทำให้นักเรียนเกิดทักษะการใช้ภาษาและการสื่อสาร  ทักษะการคิดและการสร้างสรรค์  ทักษะการใช้ชีวิตและการแก้ปัญหา  ทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณค่า  แท็บเล็ตเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ตอบสนองต่อการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีคือ ตาดูได้  หูฟังได้  เขียนบันทึก สัมผัสได้ ฝึกปฏิบัติกิจกรรมต่างๆได้  เยื่อมโยงแหล่งเรียนรู้ได้ทั่วโลก มีรูปร่างกระทัดรัด สะดวกต่อการพกพา แบตเตอร์รี่ใช้งานได้นาน

ข้อดีของแท็บเล็ต
           1.  ผู้เรียนมีโอกาสศึกษาหาความรู้ ฝึกปฏิบัติ และสร้างองค์ความรู้ต่างๆ ได้ด้วยตัวเองทำให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ตามที่เขาต้องการ
           2.  สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าและการเข้าถึงองค์ความรู้นอกห้องเรียนอย่างกว้างขวาง
           3.  สื่อแท็บเล็ตจะช่วยให้นักเรียนเกิดการแบ่งปันประสบการณ์ความรู้ซึ่งกันและกันจากช่องทางการสื่อสารเรียนรู้หลากหลายช่องทาง เป็นลักษณะของการประยุกต์การเรียนรู้ร่วมกันของบุคลในการสื่อสารหรือสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพ
           4.  อำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และเกิดการพัฒนาทางสติปัญญา อารมณ์ความรู้สึก
           5.  ช่วยสะท้อนผลความก้าวหน้าทางการเรียนรู้จากเนื้อหาที่เรียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถปรับปรุงตนเองในการเรียนรู้เนื้อหาสาระ และสามารถประเมินและประยุกต์เนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
           6.  แท็บเล็ตพีซีช่วยเพิ่มแรงจูงใจของผู้เรียนและมีผลกระทบในทางบวกต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรียน

ข้อเสียของแท็บเล็ต
           1.  การแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กไม่ได้นำสังคมไปสู่การเรียนรู้ที่แท้จริง
           2.   เด็กสามารถนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมได้ เช่น ใช้แท็บเล็ตเพื่อเล่นเกมส์
           3.  หากไม่มีก่ีป้องกันที่ดีอาจทำให้เด็กเกิดอาการเสพสื่ออย่างรุนแรง  สื่อที่ยั่วยุทางเพศเข้าไป
           4.  ครูผู้สอนยังไม่มีความรู้เพียงพอต่อการใช้อุปกรณ์ Tablet เพื่อการจัดการเรียนการสอน ในขณะที่ผู้เรียน (บางคน)มีความพร้อมที่จะเรียน
           5.  เด็กยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะใช้แท็บเล็ต
           6.  ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนโดยการใช้ Tablet
           7.  ยังไม่มีการสร้างเนื้อหาบทเรียนและกิจกรรมที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน
           8.  ด้านการบำรุงรักษา การแก้ปัญหาเรื่องอุปกรณ์และการใช้งานจะไม่มีหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ
           9.  อุปกรณ์ Tablet เปลี่ยนรุ่นเร็วมากและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น Tablet ที่จัดหามานั้นมีความเป็นมาตรฐานรองรับกับ Applications  มากน้อยเพียงใด

 ไพฑูรย์  ศรีฟ้า 
กิตติภัทท์  ไกรเพชร
สุรศักดิ์  ปาเฮ
           
สมาคมอาเซียน 
         การศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเฉพาะด้านของอาเซียน  โดยความร่วมมือดังกล่าวมีพัฒนาการเป็นลำดับอย่างช้าๆ ทั้งในเชิงบริหารจัดการและสาระความร่วมมือ โดยในการบริหารจัดการนั้น มีความพยายามที่จะผลักดันให้ความร่วมมือด้านการศึกษาของอาเซียน มีลักษณะที่เป็นทางการและมีผลในเชิงนโยบายและในเชิงปฏิบัติมากขึ้น ต่อมาเมื่ออาเซียนมีการปรับตัวในเชิงโครงสร้างเพื่อให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ของอาเซียนเข้มแข็งขึ้น ได้มีการจัดการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนครั้งแรก คู่ขนานกับการประชุมสภาซีเมค ที่ประเทศสิงคโปร์ และมีการจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี การจัดการศึกษาในอาเซียนเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็ง และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของอาเซียนและเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ การอุดมศึกษาในอาเซียน ได้กลายเป็นภาคธุรกิจขนาดใหญ่และไร้พรมแดน เพื่อตอบสนองการเปิดเสรีการศึกษา ทั้งในกรอบอาเซียนและการค้าโลก เป็นผลให้เกิดกระแสการแข่งขันในการให้บริการด้านการศึกษา การเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการพัฒนามาตรฐานการศึกษาของสถาบันการอุดมศึกษาไปสู่ความเป็นนานาชาติ และ World Class University ตามระบบ และรูปแบบการจัดการศึกษาของยุโรปและอเมริกา ทั้งในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักภาษาหนึ่งในการเรียนการสอน เช่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย และในประเทศที่ใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นหลักเช่น ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม เพื่อตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงและความต้องการของตลาดแรงงานในระดับชาติและภูมิภาค การปรับตัวต่อกระแส การเปิดเสรีทางการศึกษา กฎบัตรอาเซียน ฯลฯ แนวทางดังกล่าวก่อให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันอุดมศึกษาในอาเซียนและประชาคมยุโรป ในลักษณะข้อตกลงที่ทำร่วมกันในระดับสถาบันต่อสถาบัน ทั้งในส่วนของมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยของภาคเอกชน ในด้านการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาสถาบันการศึกษาร่วมกัน ในขณะเดียวกันการจัดตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ได้ช่วยส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาคณาจารย์ นักวิชาการ และนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ทั้งระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกันเอง และความร่วมมือกับประเทศคู่เจราจาในอาเซียนบางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย รัสเซีย และสหภาพยุโรป อีกด้วย
             อาเซียนได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาแนวคิดกิจกรรม และการจัดการศึกษาร่วมกันในภูมิภาค บนรากฐานภูมิปัญญาระดับชาติและภูมิภาค เพื่อป้องกันสภาพไม่สมดุลจากการไหลบ่าเพียงด้านเดียวของกระแสโลกาภิวัตน์จากตะวันตก ปฏิญญาอาเซียนด้านการศึกษา ที่ผู้นำให้การรับรองในระหว่างการประชุม สุดยอดอาเซียน ซึ่งเน้นการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนทั้ง 3 เสาหลัก สะท้อนการจัดการศึกษาแบบเชื่อมโยง การหลอมรวมความหลากหลายบนพื้นฐานของเอกลักษณ์และความแตกต่าง การพัฒนาและประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนวิชาการระหว่างชาติในภูมิภาคบนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในกรอบ ซีมีโออาเซียน และ ยูเนสโก
              ความร่วมมือในการเปิดเสรีด้านการศึกษา ยังเป็นมาตรการรองรับสำคัญต่อเป้าหมายการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งครอบคลุมการจัดทำความตกลงยอมรับร่วมด้านการศึกษา ความสามารถ ประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพสำคัญต่างๆ ควบคู่กับการเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงาน ซึ่งกำหนดให้มีการยกเว้นข้อกำหนดเกี่ยวกับการขอวีซ่าสำหรับคนชาติอาเซียน การอำนวยความสะดวก ในการออกวีซ่า และใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานมีฝีมือและผู้เชี่ยวชาญสัญชาติอาเซียนอีกด้วย.
ประเทศไทยกับสมาคมอาเซียน
               ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 5 ของสมาชิกผู้ก่อตั้งและเป็นจุดกำเนิดของอาเซียน ไทยมีบทบาทอย่างแข็งขันในกิจกรรมของอาเซียนตลอดมา รวมทั้งยังมีส่วนผลักดันให้อาเซียนมีโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่ทันการณ์และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ระหว่างประเทศ อาทิ การจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน การประชุมอาเซียนว่าด้วยความ ร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะเดียวกันอาเซียนก็มีความสำคัญต่อประเทศไทยโดยนอกจากจะสร้างพันธมิตรและความเป็นปึกแผ่น ตลอดจนเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคแล้ว ยังช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาระหว่างประเทศ และร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาข้ามชาติ และการพัฒนาขั้นพื้นฐานต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมภายในอาเซียนได้เปิดโอกาสให้มีการขยายตัวด้านการค้าและการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งนำผลดีมาสู่เศรษฐกิจของประเทศไทยและของประเทศสมาชิกอาเซียนโดยส่วนรวม

การเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
            ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕โรงแรมเอเซีย กรุงเทพฯ

            ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การศึกษา เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างประชาคมอาเซียน โดยการศึกษาเป็นกลไกในการปลูกฝังค่านิยม แนวความคิด ความเข้าใจกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของอาเซียนและเศรษฐกิจโลก โดยในแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Blueprint for ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC Blueprint) ได้กำหนดให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรกในการเสริมสร้างวิถีชีวิตที่ดีของประชากรในภูมิภาค ด้วยการให้ความสำคัญกับการศึกษาและการสร้างโอกาสทางการศึกษา การลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเรียนรู้ตลอดชีวิต การส่งเสริมการจ้างงานที่เหมาะสม การส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศ การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงประยุกต์

         กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการภายใน ปี 2555 – 2558 เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ดังนี้

         1.การให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยรณรงค์ให้ประชากรทุกคนอ่านออกเขียนได้ ลดอัตราการไม่รู้หนังสือ เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียม ซึ่งขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีอัตราประชากรรู้หนังสือ ร้อยละ 93.5 และมีเพียงร้อยละ 6.5 ของประชากรวัยเรียนที่ไม่รู้หนังสือ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนทางไกล การศึกษานอกระบบ การเรียนจากศูนย์การเรียนชุมชน (Community Learning Centres- CLCs) ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศอาเซียนว่า เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งในการส่งเสริมการพัฒนาระบบการเรียนการสอนผ่าน CLCs รวมทั้งมีความเชื่อมโยงกับศูนย์การเรียนชุมชนในประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นด้วย

          นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำหลักสูตรมาตรฐานอาเซียน (ASEAN Curriculum) สำหรับช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.6) ช่วงชั้นที่ 2 (ม.1-ม.3) และช่วงชั้นที่ 3 (ม.4-ม.6) โดยกำหนดใน 7 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ พลศึกษา  เทคโนโลยีสารสนเทศ  จริยศึกษา  ศิลปะ และอัตลักษณ์ของแต่ละประเทศในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค เพื่อจัดทำรายละเอียดหลักสูตรอาเซียนในเดือนกันยายน 2555

            2.การลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยส่งเสริมการสอนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาราชการของอาเซียน การพัฒนาครูซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งประเทศไทยมีเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาครูกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และจัดการสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาให้เอื้อต่อการเรียนการสอน

            3.การส่งเสริมการจ้างงานที่เหมาะสม โดยเร่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับอาชีวศึกษาเพื่อรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมายในประเทศ พัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ระบบคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อเป็นกลไกและเครื่องมือในการพัฒนากำลังคนที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการศึกษาระหว่างสถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และสถาบันเฉพาะทาง

             4.การส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยส่งเสริมการพัฒนาสื่อการ เรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ ที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ในสาระวิชาและระดับชั้นต่างๆ ทั้งในรูปแบบ on-line และ/หรือ off-line กำหนดสมรรถนะผู้เรียนในด้าน ICT ในแต่ละระดับการศึกษา พัฒนายกระดับสถาบันการศึกษาให้มีความสามารถเฉพาะทางด้าน  ICT เพื่อผลิตบุคลากรด้าน ICT ให้มีทักษะความเชี่ยวชาญสูง สร้างแรงจูงใจเพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานในการเข้าฝึกอบรม และสอบมาตรฐานวิชาชีพด้าน ICT ที่มีการกำหนดไว้ในระดับสากล พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

               5.การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงประยุกต์ โดยส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์นักวิทยาศาสตร์และบุคลากรทางด้านวิชาชีพทางด้านการวิจัยที่มีคุณภาพ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมทั้งสร้างเครือข่ายการวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา
ที่มา: http://www.thaipost.net

ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ


ครูกับภาวะผู้นำ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง 
            "การที่ครูมีควารู้ความสามารถและแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอน  เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู นักเรียน(นักศึกษา) และผู้ปกครอง จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดในองค์กรได้"  ผู้นำทีดีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 4 ด้านคือ  ศรัทธา  ความไว้วางใจ  สร้างแรงบันดาลใจ  ยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคล
ครูที่จะเป็นผู้นำทางวิชาการ  หรือผู้นำทางการเรียนการสอน  ควรมีพฤติกรรม 7 ประการคือ
             1.  หาหนังสือที่ติดอันดับขายดีที่สุดมาอ่าน
             2.  อยู่กับปัจจุบัน   ทันสมัย
             3.  หาข้อมูล  ความรู้ที่เกี่ยวกัยเด็ก
             4.  ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งภาวะผู้นำ
             5.  กำหนดให้เด็กทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
             6.  เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟัง
             7.  ท้าทายให้เด็กคิด

แสดงความคิดเห็นและประเมินวิชา
             การเรียนวิชาหารจัดการในชั้นเรียนซึ่งผู้สอนได้ทำการสอนโดยใช้บล็อก  นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้โดยการสืบค้นจากเว็บไซด์  บทความต่างๆ ในแต่ละหัวข้อที่ผู้สอนได้มอบหมายงานให้ทำ  และผู้สอนมีการสอน  อธิบายด้วย เพื่อส่งเสริมความเข้าใจของผู้เรียนมากยิ่งขึ้น  ในอนาคตข้างหน้า  ถึงแม่ว่าวิชาคณิตศาสตร์ จะมีโอกาศน้อยที่จะสามารถออกแบบการเรียนการสอนให้อยู่ในรูปแบบของการเรียนรู้ผ่านบล็อกตลอดเวลา  แต่จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ผู้สอนจะเลือกใช้ให้นักเรียนของตน  เรียนรู้ด้วยตนเอง  เรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในชั้นเรียน จากบล็กที่ผู้สอนได้จัดทำไว้เพื่อนักเรียนของเรา  หากจะให้คะแนนวิชานี้  ควรได้  10  คะแนน  เพราะเป็นวิชาที่ผู้เรียนจะใช้ได้จริงในการประกอบอาชีพ  แต่หากให้คะแนนผู้สอน  ควรได้  9 คะแนน  เนื่องจาก  ระหว่างการเรียนการสอน  เปิดโอกาศให้ผู้เรียนบันเทิงมาก  ถึงมากที่สุด  เพราะ  ผู้เรียนบางคนไม่ทำงานในห้องเรียนเลย  อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดการเรียนการสอนของผู้สอนอยู่ในขั้นดี  ได้ความรู้เยอะเช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 9 :  จัดห้องเรียนอย่างไรให้น่าเรียน
           การจัดห้องเรียนให้น่าเรียนคือ
                  1.  ห้องเรียนควรมีสีสันที่น่าดู  สบายตา อากาศถ่ายเทได้ดี  ถูกสุขลักษณะ
                  2.  จัดโต๊ะเก้าอี้และสิ่งที่อยู่ในห้องเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน และกิจกรรมประเภทต่างๆ
                  3.  อาจมีการดัดแปลงห้องเรียนเป็นห้องประชุม ห้องฉายภาพยนต์และอื่นๆ เพื่อใช้ห้องเรียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
                  4.  สร้างบรรยากาศให้อบอุ่น  ให้ความเป็นกันเองกับผู้เรียน
                  5.  นักเรียนเรียนอย่างมีความสุข มีอิสรเสรีภาพ และมีวินัยในการดูแลตนเอง
                  6.  จัดเครียมห้องเรียนให้มีความพร้อมในการสอนแต่ละครั้ง

กิจกรรมที่ 8 :  ครูมืออาชีพในทัศนคติของข้าพเจ้า
           ครูมืออาชีพในทัศนคติของข้าพเจ้าคิดว่า ครูมืออาชีพควรมีลักษณะ 3 ประการดังนี้
                   1.  ต้องมีความฉันทะต่ออาชีพครูเป็นพื้นฐาน
                   2.  ต้องมีความเมตตาต่อเด็กและบุคคลรอบข้างเป็นพื้นฐาน
                   3.  ต้องมีความเป็นกัลยานมิตร  พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ

   ศึกษาหลักสูตรให้กระจ่าง     วางแผนการสอนอย่างดี
                                มีกิจกรรม/ทำอุปกรณ์                     สอนจากง่ายไปยาก
                                วิธีสอนหลากหลายชนิด                 สอนให้คิดมากกว่าจำ
                                สอนให้ทำมากกว่าท่อง                  แคล่วคล่องเรื่องสื่อสาร
                                ต้องชำนาญการจูงใจ                     อย่าลืมใช้จิตวิทยา
                                ต้องพัฒนาอารมณ์ขัน                   ต้องผูกพันห่วงหาศิษย์
                                เฝ้าติดตามพฤติกรรม                     อย่าทำตัวเป็นทรราช
                                สร้างบรรยากาศไม่น่ากลัว             ประพฤติตัวตามที่สอน
                                อย่าตัดรอนกำลังใจ                       ให้เทคนิคการประเมิน
                                ผู้เรียนเพลินมีความสุข                  ครูสนุกกับการสอน

                                                                                                ที่มา :  รศ.ดร.ทองคูณ  หงส์พันธุ์



วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมทดสอบกลางภาค

การสอนแนะให้รู้คิด : รูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์
             1. ข้อสรุปที่ได้จากบทความ ... การสอนแนะให้รู้คิดเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ โดยเกิดจากความรู้และความเชื่อของครูผู้สอนนำมาซึ่งการตัดสินใจของครูผู้สอน เกิดการเรียนการสอนขึ้นในเรียน ทำให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจพร้อมกับพฤติกรรมของนักเรียนส่งผลให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ ตามขั้นตอน คือ ครูนำเสนอปัญหา แนะนำให้นักเรียนเข้าใจปัญหา นักเรียนรายงานการแก้ไขปัญหา สุดท้ายผู้สอนและนักเรียนร่มกันอภิปราย ซึ่งสอดคล้องกับการจัดการศึกษาระดับชาติที่เน้นทักษะการคิดของผู้เรียน สามารถสอดแทรกทักษะและกระบวนการต่างๆ เพื่อให้นักเรียนฝึกกาีคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และสามารถให้เหตุผลประกอบได้ นักเรียนเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนในชั้นเรียนกับชีวิตจริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้

            2.  นำความรู้เรื่องการจัดการในชั้นเรียน CGI  คือ ขั้นตอนที่ 1 ครูเสนอปัญหา  ขั้นตอนที่ 2 ครูช่วนแนะให้นักเรียนเข้าใจปัญหา. ขั้นที่ตอนที่ 3 นักเรียนรายงานคำตอบและวิธีแก้ปัญหา. และ ขั้นตอนที่ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย. จะนำขั้นตอนเหล่านี้ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เพื่อฝึกให้ผู้เรียนรู้จักคิดแก้ปัญหา. และฝึกให้เป็นผู้มีเหตุผล เน้นหนักที่ให้นักเรียนคิดเองมากกว่าครูเป็นคนบอก

            3.  ในอนาคตที่จะเป็นครู แนวทางหรือวิธีการในการจัดการเรียนการสอน คิดว่าจะนำการสอนแนะให้รูไปประยุกต์ใช้ โดยการฝึกให้นักเรียนเป็นผู้คิดเป็น ทำเป็น เพราะเชื่อว่าการที่ผู้เรียนได้คิดเอง ทำเอง นักเรียนจะเกิดการเรียนรู้มากกว่าที่มีครูคอยบอกและคอยนำเสนอความคิดให้ และยอมรับความคิดเห็นของนักเรียน ไม่ยึดกับคำว่า ครูถูกเสมอ และยอมรับในความสามารถของผู้เรียนในการเรียนที่แตกต่างกัน
                                                         " ครูทั่วไป.     บอก  "
                                                         " ครูที่ดี.       อธิบาย"
                                                         " ครูที่เก่ง.     สาธิต "
                                                         " ครูที่เยี่ยม.   เป็นแรงบันดาลใจ"

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 7 : ดูโทรทัศน์ครู

ตรีโกณมิติ โดย อ. วาริน  รอดบำเรอ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

เนื้อหา
            อัตราส่วนตรีโกณมิติ อ.วาริน ได้ใช้เทคนิคของการใช้นิ้วมือในการจำ โดย กำหนดค่าของนิ้วชี้ 30 องศา , นิ้วกลาง  45 องศา และนิ้วนางมีค่า 60 องศา เมื่อต้องการหาค่า sin 30 ให้พับนิ้วชี้ ค่าของ sin เท่ากับ สแควร์รูทบซ้ายส่วน 2 ดังนั้นค่าของ sin30 เท่ากับ 1 ส่วน 2  ค่า cos เท่ากับ สแควร์รูทบขวา ส่วน 2  และค่า tan ให้นักเรียนตะแคงมือ จะได้ค่า tan เท่ากับ สแควร์รูทบทส่วนล่าง
            มุมก้ม มุมเงย อ.วาริน ใช้ผู้เรียนเป็นสื่อ โดยให้นักเรียนที่มีส่วนสูง สูงสุดและต่ำสุดของห้องมาเปรียบเทียบ ให้เห็นการมองที่เป็นมุมก้ม  และมุมเงย
            การหาความสูงของสิ่งต่างๆ โดยใช้ความรู้เรื่อตรีโกณมิติพร้อมการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และใช้พื้นที่ อาคาร สระน้ำ ในโรงเรียนเป็นสื่อการสอน ด้วยวิธีนี้นักเรียนสามารถเห็นภาพ และนำไปใช้อย่างเข้าใจได้

การรจัดกิจกรรมการสอนด้าน (สติปัญญา=IQ, อารมณ์=EQ, คุณธรรมจริยธรรม=MQ)
            ผู้สอน สอน/อธิบาย เรื่องอัตราส่วนตรีโกณจนนักเรียนเข้าใจ  มีการยกตัวอย่าง  ใช้สื่อการสอน  ในขณะที่สอนนักเรียนให้ความร่วมมือ  มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน  มีเสียงหัวเราะ  รอยยิ้ม นักเรียนทุกคนมีความสุขไปพร้อมๆ กับมีความรู้ คุณครูสอนให้นักเรียนรู้จักคิดว่าสิ่งใดถูก  สิ่งใดผิด  สิ่งใดควรหรือไม่ควร เพราะอะไร 

บรรยากาศการจัดห้องเรียน
            ในการจัดการเรียนการสอนของ อาจารย์วาริน  เป็นการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียน  และนอกห้องเรียน  ทุกสถานที่  ผู้เรียนมีความสุขกับการเรียนรู้  ในห้องเรียนจะอำนวนความสะดวกด้วยสื่อการสอน  สื่อการเรียนรู้ต่างๆ ผู้เรียนรู้จักการประยุกต์ใช้กับสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมที่ 6 : เล่าเรื่องด้วยรูปภาพ
ให้นักศึกษาเรื่องที่ตนเองสนใจ 1 เรื่อง แล้วถ่ายรูปเล่าเป็นเรื่องราว เป็นรูปภาพ  เพื่อเป็นการนำเสนอในบล็อกต่อไปในคราวหน้า

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 5 : ครูที่ชื่นชอบ


ชื่อ ศุภวรรณ  นามสกุล  สงแก้ว
            สอนวิชาคณิตศาสตร์  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4
            โรงเรียนร่อนพิบูลย์เกียรติวสุนธราภวัฒก์
ประวัติการศึกษา
            ปริญญาตรี  วิทยาลัยครู นครศรีธรรมราช
ประวัติการทำงาน
            2531 อาจารย์ 1 ระดับ 2 โรงเรียนบ้านหนองฆ้อง อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
            2533 อาจารย์ 1 ระดับ 3 โรงเรียนสองพี่น้อง  อำเภอสองพี่น้อง  จังหวัดสุพรรณบุรี
            2537 อาจารย์ 1 ระดับ 4 โรงเรียนทุ่งใหญ่วิทยาคม  อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
            2538 - ปัจจุบัน ครู คศ. 2 โรงเรียนร่อนพิบูลย์เกียรติวสุนธราภิวัฒก์
ผลงานที่ชื่อนชอบ
            ในการสอนของอาจารย์บ้างครั้งก็มีสื่อการสอนบ้างเพื่อให้นักเรียนได้เห็นภาพจริง  แต่ทุกครั้งที่สอน  คือ อาจารย์จะให้นักเรียนนั่งฟังอย่างตั้งใจ  ยกตัวอย่างหลายรูปแบบ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยอะไรสามารถถามได้ในขณะนั้น และเมื่อฟังการอธิบายเสร็จแล้วให้นักเรียนจดบันทึกตัวอย่างที่อาจารย์สอน
และให้ทำแบบฝึกหัด  แบบฝึกต่างๆ ที่อาจารย์ได้เตรียมมา และจะมีการเน้นให้นักเรียนอ่านโจทย์ให้ถูกต้อง และเน้นให้นักเรียนทำงานอย่างเป็นขั้นตอน 
การประยุกต์สิ่งที่ดีของครูมาใช้ในการพัฒนาตนเอง
            ก่อนอื่น  เราต้องพัฒนาความรู้ให้มากพอ แม่นยำในวิชาที่สอน ในการสอนประยุกต์การสอนให้มีรูปแบบต่างๆ  ไม่ซ้ำกัน  เพื่อความไม่น่าเบื่อ  และดึงดูดให้นักเรียนรู้สึกอยากเรียน มีสื่อการสอนบ้างในเนื่อหาที่ยากต่อความเข้าใจของนักเรียน  เนื่อหาที่เป็นนามธรรม จะพยายามสร้างสื่อให้เป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมความเข้าใจของเด็ก  ฝึกให้เด็กรู้จักการทำงานกลุ่ม